สมดุลเคมี
ฉะนั้นในเวลาเดียวกันจึงมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น 2 กระบวนการพร้อมกัน ได้แก่
2.1 ก๊าซ H2 กับ N2 ทำปฏิกิริยากันกลายเป็นก๊าซ NH3 ดังสมการ
3 H2(g) + N2(g) → 2NH3(g)
กระบวนการนี้เกิดขึ้นก่อน เรียกว่าการเปลี่ยนแปลงไปข้างหน้า (forward change หรือ forward reaction)
2.2 ก๊าซ NH3 บางส่วนสลายตัวกลับมาเป็นก๊าซ H2 กับ N2 ตามเดิม ดังสมการ
2NH3(g) → 3H2(g) + N2(g)
กระบวนการนี้เกิดขึ้นทีหลัง เรียกว่าการเปลี่ยนแปลงย้อนกลับ (reverse change หรือ reverse reaction) เมื่อนำการเปลี่ยนแปลงทั้ง 2 มาเขียนไว้ในสมการเดียวกัน รูปของสมการจะเป็นดังนี้
2NH3(g) ⇌ 3H2(g) + N2(g)
สมบัติของระบบ ณ ภาวะสมดุล
ต้องเป็นปฏิกิริยาที่ผันกลับได้ โดย ต้องเกิดในระบบปิด
มีปฏิกิริยาไปข้างหน้าและย้อนกลับเกิดขึ้นตลอดเวลา โดยจำนวนโมลของสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์คงที่แต่อาจเท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้และอัตราการเกิดปฏิกิริยาไปข้างหน้าเท่ากับปฏิริยาย้อนกลับ
สมบัติของระบบคงที่ (จำนวนโมลคงที่ สีของสารคงที่ ความดันคงที่ และอุณหภูมิคงที่)
ภาวะสมดุลระหว่างสถานะ สารต่างๆสามารถเปลี่ยนสถานะได้ โดยมีการเปลี่ยนแปลงพลังงานควบคู่ไปด้วย ดังแผนภาพนี้
สมดุลในปฏิกิริยาเคมี คือปฏิกิริยาเคมีที่เกิดภาวะสมดุลจะต้องเป็นปฏิกิริยาผันกลับได้ และ สมบัติของระบบต้องคงที่ การศึกษาภาวะสมดุลของปฏิกิริยาเคมี ตรวจสอบดังนี้
ทดสอบปฏิกิริยาไปข้างหน้า(สารตั้งต้นทำปฏิกิริยากันแล้วเกิดเป็นสารผลิตภัณฑ์หรือไม่)
ทดสอบปฏิกิริยาย้อนกลับ(นำสารผลิตภัณฑ์มาทำปฏิกิริยากันแล้วกลับไปเป็นสารตั้งต้นหรือไม่)
สังเกตสมบัติของระบบว่าคงที่หรือไม่ (อาจสังเกตสีว่าคงที่หรือไม่)
การเปลี่ยนแปลงที่ก่อให้เกิดสมดุลเคมีต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1.) การเปลี่ยนสถานะ เช่น การกลายเป็นไอของน้ำในภาชนะปิดน้ำเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊ส
H2O(l) ⇌ H2O(g)
ดังนั้น ในระบบอาจมีการเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว หรือจากของเหลวเป็นแก๊ส หรือจากแก๊สเป็นของแข็งอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นการเปลี่ยนสถานะที่จะก่อให้เกิดสมดุลเคมีได้ต้องเกิดในระบบปิดเท่านั้น
2) การเกิดสารละลาย
การเกิดสารละลายที่จะก่อให้เกิดสมดุลเคมี เช่น การละลายของเกลือ NaCl ในน้ำได้สารละลาย แต่เมื่อให้ความร้อนจะเกิดเป็นสารละลายอิ่มตัว เมื่ออุณหภูมิลดลงจะเกิดการตกผลึกของเกลือ NaCl กลับมา การเกิดสารละลายลักษณะนี้จึงก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้ การละลายของเกลือแกงแสดงดังสมการข้างล่าง(จะต้องละลายจนอิ่มตัวจึงจะเกิดสมดุล)
NaCl (s) + H2O ⇌ Na+(aq) + Cl- (aq)
3) การเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเกิดปฏิกิริยาบางปฏิกิริยาสามารถผันกลับได้ และก่อให้เกิดสมดุลเคมี เช่น การละลายของก๊าซ CO2 ในน้ำ อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะการแพร่ของแก๊ส CO2 ในน้ำ หรืออาจเกิดปฏิกิริยาเคมีกับน้ำได้กรดคาร์บอนิก และกรดคาร์บอนิกสามารถสลายตัวกลับมาเป็นแก๊ส CO2 และ H2O เหมือนเดิม
CO2 (g) + H2O (l) ⇌ H2CO3
Kf และ Kr คือค่าคงที่ของ
Ratef และ Rater ตามลำดับที่ภาวะสมดุล
ความสัมพันธ์ของค่า k
1. ค่า K > 1 ถือว่า ค่า K มาก แสดงว่า ปฏิกิริยาเกิดไปข้างหน้าได้ดีมาก ผลิตภัณฑ์เกิดมาก สารตั้งต้นเหลือน้อย
2. ค่า K < 1 ถือว่า ค่า K น้อย แสดงว่า ปฏิกิริยาเกิดไปข้างหน้าได้น้อย เกิดปฏิกิริยาย้อนกลับได้ดี
ผลิตภัณฑ์เกิดน้อย สารตั้งต้นเหลือมาก
3. ค่า K = 1 ถือว่า ค่า K ปานกลาง แสดงว่า สารตั้งต้นและสารผลิตภัณฑ์ จะมีปริมาณพอ ๆ กัน
4. ค่า K จะคงที่เสมอ ไม่ว่าสมดุลจะถูกรบกวน ยกเว้น อุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลง
5. ค่า K > 1 หรือ K < 1 ได้ แต่จะไม่มีค่าติดลบ
การคำนวณค่าคงที่สมดุล
1. เขียนสมการพร้อมดุล
2. เขียนความเข้มข้นของสารตั้งต้น
3. เขียนความเข้มข้นของสารที่เปลี่ยนไป
4. เขียนความเข้มข้นของสารที่ภาวะสมดุล
( จากขั้นที่ 2 + ขั้นที่ 3 )
5. เขียนค่าคงที่สมดุลจากขั้นที่ 1
6. แทนค่าความเข้มข้นของสารต่าง ๆ ที่ภาวะสมดุล จากขั้นที่ 4 ลงในขั้นที่ 5
7. คำนวณหาตัวแปร จากขั้นที่ 6
8. ตอบคำถามจากโจทย์ที่กำหนด
การรบกวนสมดุล
1การเปลี่ยนความเข้มข้น
2การเปลี่ยนความดันและปริมาตรถ้าสารเป็น solid , liquid
การเปลี่ยน P , V ไม่มีผลแต่ถ้าสารเป็น gas การเปลี่ยน P , V มีผลมาก
3การเปลี่ยนอุณหภูมิถ้าเปลี่ยน ความเข้มข้น ปริมาตร ความดัน= เปลี่ยนสมดุล
การเปลี่ยนอุณหภูมิ = เปลี่ยน KC
ถ้า N2O4(g) → 2NO2(g) ΔHo = 58.0 kJ ดูดความร้อน
2NO2(g) → N2O4(g) ΔHo = -58.0 kJ คายความร้อน
ศึกษาต่อได้ที่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น